EP3. น้ำซักผ้า

EP3-น้ำซักผ้า
น้ำที่ใช้ในการซักผ้า

1. น้ำซักผ้า

น้ำเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในการซักผ้า เพราะเราไม่สามารถซักผ้าได้ถ้าไม่มีน้ำ คุณภาพของน้ำที่ใช้จะมีผลต่อการซักอย่างมาก คุณภาพของน้ำจะขึ้นกับแหน่งน้ำ อย่างไรก็ตามน้ำที่เรานำมาใช้ซักผ้าควรผ่านกระบวนการเพื่อปรับสภาพให้เหมาะสมก่อน

2. แหล่งน้ำ

แหลางน้ำที่จะนำมาใช้อาจจะแบ่งได้ 4 ประเภท ดังนี้

2.1 น้ำฝน

น้ำฝนเมื่อตกลงมาจะผ่านอากาศจึงเจือปนสารในอากาศ ดังนั้นความบริสุทธิ์ของน้ำฝนจึงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม น้ำฝนในเขตเกษตรกรรมย่อมบริสุทธิ์กว่าน้ำฝนในเขตอุตสาหกรรม โดยทั่วไปแล้วสารเจือปนน้ำฝนมักจะประกอบด้วย

  • ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
  • เกลือแอมโมเนีย
  • เกลือไนเตรต
  • เกลือคลอไรด์
  • เกลือซัลเฟต

น้ำฝนจัดว่าเป็นน้ำอ่อน

2.2 น้ำแม่น้ำ

ความบริสุทธิ์ของแม่น้ำขึ้นอยู่กับ

  • ฤดู
  • ชนิดของชั้นดินที่น้ำผ่าน
  • ของเสียจากโรงงานและเมืองตามชายฝั่งแม่น้ำ

ถ้าแม่น้ำผ่านบริเวณที่มีหินปูน น้ำจะกระด้างมาก ในฤดูฝนความกระด้างจะลดลง

2.3 น้ำบ่อ

คุณภาพของน้ำบ่อ/บาดาล จะขึ้นอยู่กับชั้นดินที่น้ำซึมผ่าน ดังนั้น น้ำบ่อ/บาดาล แต่ละแห่งจะทีคุณภาพแตกต่างกันออกไป

2.4 น้ำประปา

น้ำประปาเป็นแหล่งน้ำที่มนุษย์ทำขึ้น คุณภาพของน้ำจะขึ้นอยู่กับวิธีการทำและความต้องการโดยทั่วๆ ไปน้ำประปาบ้านเรามีความกระด้างค่อนข้างน้อยถึงปานกลาง และจะมีความบริสุทธิ์พอสมควร

น้ำบ่อ/บาดาล น้ำประปา เป็นแหล่งน้ำที่ใช้มากในโรงซักผ้าบ้านเรา

3. ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณภาพของน้ำ

คุณสมบัติสำคัญและเป็นพื้นฐานของน้ำมีดังนี้

3.1 ความกระด้าง

ความกระด้างอธิบายในรูปของปริมาณเกลือแคลเซียมและแมกนีเซียมในน้ำ น้ำที่มีเกลือเหล่านี้สูงเรียกว่าน้ำกระด้าง น้ำที่มีเกลือเหล่านี้ต่ำหรือไม่มีเลยเรียกว่า น้ำอ่อน ความกระด้างแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทดังนี้

3.1.1ความกระด้างชั่วคราว

คือ น้ำที่มีเกลือแคลเซียมและแมกนีเซียมคาร์บอเนตละลายอยู่ เมื่อน้ำไปต้มจะตกตะกอนเป็นเกลือคาร์บอเนตซึ่งไม่ละลายน้ำ หรือที่เรียกว่าตะกรัน ทำให้น้ำหายกระด้างได้ ถ้าเกลือคาร์บอเนตมีอยู่ในน้ำที่ใช้ซักผ้า เมื่ออุณหภูมิสูงจะเกิดเกลือคาร์บอเนตจับอยู่ที่เครื่องซักผ้าได้

3.1.2 ความกระด้างถาวร

คือ น้ำที่มีเกลือซัลเฟต ไนเตรด และคลอไรด์ของแคลเซียมและแมกนีเซียมละลายอยู่ ซึ่งไม่สามารถกำจัดได้โดยวิธีการต้ม ความกระด้างมากหรือน้อยจะกำหนดเปรียบเทียบในรูปของแคลเซียมคาร์บอเนตโดยมีหน่วยต่างๆ ดังนี้

  • 1 องศาฝรั่งเศส = 10 ส่วนในล้านส่วนของแคลเซียมคาร์บอเนต (ppm of CaCO3)
  • 1 องศาเยอรมัน = 10 ส่วนในล้านส่วนของแคลเซียมออกไซด์ (ppm of CaO)
  • 1 องศาอังกฤษ = 14, 3 ส่วนในล้านส่วนของแคลเซียมคาร์บอเนต (ppm of CaCO3)
  • 1 องศาอเมริกัน = 1 ส่วนในล้านส่วนของแคลเซียมคาร์บอเนต (ppm of CaCO3)

ความสัมพันธ์ของหน่วยต่างๆ สามารถเทียบกันได้โดยใช้ตาราง

3.2 ความเป็นด่าง

ความเป็นด่างของน้ำวัดได้จากปริมาณของเกลือคาร์บอเนตและไบคาร์บอเนตในน้ำ ความเป็นด่างในน้ำจะมีอิทธิพลต่อผลของการซักผ้าดังจะกล่าวต่อไป

3.3 ค่า PH

เป็นการวัดความเป็นด่างของน้ำอีกแบบหนึ่ง ซึ่งวัดเป็นความเข้มข้นของไฮดรอกไซต์ไออนในน้ำ ค่า PH มีตั้งแต่ 1-14 สารที่เป็นกลางจะมีค่า PH เป็น 7 ค่า PH ที่น้อยกว่า 7 จะเป็นกรด ยิ่งน้อยยิ่งมีความเป็นกรดแก่มาก และค่า PH ที่มากกว่า 7 จะแสดงความเป็นด่าง ยิ่งมากยิ่งแสดงความเป็นด่างแก่มาก

3.4 สิ่งเจือปนอื่นๆ

สิ่งเจือปนที่อาจพบได้ในน้ำได้แก่

3.4.1 สารประกอบของเหล็ก แมงกานิส และทองแดง

3.4.2 สารประกอบของโซเดียมและโปตัสเซียม

3.4.3 สารประกอบของซิลิกา หรือซิลิเกต

3.4.4 สารประกอบของไนโตรเจน

3.4.5 ก๊าซต่างๆ

4. คุณสมบัติของน้ำที่เหมาะสมในการซักผ้า

น้ำที่ใช้ในการซักผ้าเพื่อให้ได้ผลดี ควรมีคุณสมบัติต่อไปนี้

4.1 ความกระด้าง น้อยกว่า 6 องศาฝรั่งเศล

4.2 ปริมาณเหล็ก น้อยกว่า 1 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ลิตร

4.3 ปริมาณแมงกานีส น้อยกว่า 1 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ลิตร

4.4 ค่า PH มีค่าอยู่ระหว่าง 6-7

5. อิทธิพลของน้ำที่มีต่อผลของการซักผ้า

น้ำที่มีคุณสมบัตอต่างกันจะมีอิทธิพลต่อผลของการซักผ้าต่างกันดังนี้

5.1ผลของความกระด้าง

น้ำที่จะใช้ในการซักผ้าควรเป็นน้ำอ่อน การใช้น้ำกระด้างจะเกิดผลเสียคือ

  • เปลืองเคมีที่ใช้ เนื่องจากเคมีส่วนหนึ่งจะทำปฎิกริยากับความกระด้างและหมดสภาพไปจึงต้องใช้เคมีมากขึ้น
  • ความกระด้างของน้ำจะทำให้ผ้าหมองคล้ำและไม่อ่อนนุ่ม

5.2 ผลของความด่าง

ในชั้นของการซักผ้า ประสิทธิภาพของการซักจะดีในสภาพของน้ำซักผ้าที่มีความเป็นด่างสูง ความเป็นด่างของน้ำซักผ้าจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของเคมีที่ใช้

อย่างไรก็ตามในการล้างผ้าโดยเฉพาะในน้ำล้างสุดท้าย จะต้องพยายามล้างเอาความเป็นด่างออกให้มากที่สุด ความเป็นด่างในน้ำล้างสุดท้ายโดยปกติแล้วควรจะสูงกว่าความเป็นด่างของน้ำก่อนใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากความเป็นด่างในน้ำล้างสุดท้ายสูงแสดงว่ามีเกลือคาร์บอเนตและไบคาร์บอเนตตกค้างในเนื้อผ้ามาก ซึ่งมีผลทำให้ผ้าหมองคล้ำเมื่อผ่านการรีด

5.3 ผลของสิ่งเจือปนอื่นๆ

5.3.1 สารประกอบของเหล็ก แมงกานีส และทองแดง

สารประกอบของทั้งสามอย่างนี้อาจจะมาจากแหล่งน้ำ และเหล็กของทองแดงอาจจะถูกละลายออกจากท่อน้ำส่ง เกลือของสารทั้งสามมักจะมีสีซึ่งอาจติดบนผ้าได้ เปลืองเคมีและน้ำยาซักผ้า ในการฟอกออก ซึ่งเป็นผลทำให้ลดอายุการใช้งานของผ้าอีกด้วย

แมงกานีสและทองแดงมักจะพบน้อยและมีปริมาณน้อย ดังนั้นการกำจัดสารสองอย่างนี้ไม่ค่อยจำเป็นนัก แต่สำหรับเหล็กมักจะพบเป็นส่วนมาก และถ้าพบว่ามีมากกว่า 2 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ลิตรแล้ว จะทำให้ผ้าออกสีแดงหรือหมองคล้ำได้ จึงจำเป็นต้องกำจัดเหล็กออกจากน้ำเสียก่อน

5.3.2 สารประกอบของโซเดียมและโปตัสเซียม

โดยทั่วไปสารประกอบของสารนี้ไม่มีผลต่อการซัก นอกเสียจากว่ามีปริมาณที่มากเกินไป เช่น น้ำทะเลซึ่งนอกจากทีความกระด้างมากแล้ว ยังมีเกลือแกงประมาณ 3-5% ที่ไม่เหมาะสำหรับการซักผ้า

5.3.3 สารประกอบของซิลิกาหรือซิลิเกต ไนโตรเจน และก๊าซต่างๆ

สารเหล่านี้มีมักจะพบน้อยมาก และไม่มีผลต่อการซักผ้า

6. ขบวนการปรับสภาพทั่วไป

ขบวนการปรับสภาพน้ำก่อนนำไปใช้นั้นมีอยู่หลายวิธีขึ้นอยู่กับสภาพของน้ำจากแหล่งต่างๆ ขบวนการต่างๆ สรุปได้ดังนี้

6.1 การตกตะกอน

เพื่อให้ของแข็งต่างๆ ที่แขวนลอยอยู่ตกตะกอน ซึ่งเป็นได้ทั้งการตกตะกอนตามธรรมชาติหรือโดยใช่ปฎิกริยาเคมี

6.2 การกรอง

เพื่อขจัดของแข็งที่ยังอาจตกค้างอยู่ในน้ำหลังจากตกตะกอน การกรองสามารถทำได้โดยผ่าน ทราย หิน ผงถ่าน

6.3 การฆ่าเชื้อ

เพื่อการฆ่าเชื้อโรคที่มีอยู่ในน้ำ ซึ่งอาจทำได้โดย

  • ใช้ความร้อน
  • ใช้สารพวกคลอรีน
  • กรองผ่านแผ่นกรองบางชนิด
  • ใช้โอโซน หรือรังม่วงเหนือม่วง

6.4 การทำให้เป็นกลาง

เพื่อขจัดคาร์บอนไดออกไซต์ซึ่งทำให้ท่อน้ำผุ ซึ่งทำได้โดย

  • เติมด่าง เช่น โซเดียมคาร์บอเนต หรือปูนขาว
  • กรองผ่านแคลเซียมคาร์บอเนต

6.5 การขจัดเหล็ก

สารที่ขจัดเหล็กในน้ำ ได้แก่ ปูนขาว หรืออาจใช้วิธีพ่นน้ำขึ้นไปในอากาศ จะทำให้สนิมเหล็กตกตะกอน แล้วกรองออกไป

6.6 การขจัดแร่เกลือ

เพื่อขจัดเกลือแร่ที่มีอยู่ในน้ำ รวมทั้งลดความกระด้างของน้ำด้วย โดยทั่วไปจะขจัดได้โดยวิธี Ion Exchange

6.7 การขจัดเกลือแร่และความกระด้างด้วยวิธีเคมี

เป็นวิธีหนึ่งนอกเหนือจากวิธี Ion Exchange

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *